ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดย ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายบัตรต่างๆ ได้แก่ American Express, JCB International (Thailand), Mastercard, UnionPay International และ VISA พร้อมทั้ง ผู้ให้บริการทางการเงินในไทย ประกอบด้วย สมาคมธนาคารไทย สภาสถาบันการเงินของรัฐ สมาคม ธนาคารนานาชาติ สมาคมการค้าผู้ให้บริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ไทย สมาคมโทรคมนาคมแห่ง ประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ บริษัท National ITMX จำกัด และบริษัท Thai Payment Network จำกัด แถลงความร่วมมือการใช้มาตรฐานคิวอาร์โค้ดเพื่อการชำระเงิน ซึ่งในงานได้มีการจัดบูธสาธิต การให้บริการชำระเงินด้วย QR Code และการสัมมนา เรื่อง “QR Code มิติใหม่ของการชำระเงิน” คาดว่าจะสามารถเริ่มใช้ได้ทั่วไปภายในไตรมาส 4 ปี 2560 นี้
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ธปท.ได้ผลักดันการพัฒนาระบบการชำระเงิน ทางอิเล็กทรอนิกส์มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การผลักดันโครงการ National E-Payment การปรับเปลี่ยน บัตร ATM และบัตรเดบิตให้เป็น Chip Card การยกระดับความปลอดภัยการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งได้นำหลักการของ Regulatory Sandbox มาใช้เพื่อสนับสนุนนวัตกรรมทางการเงิน และการนำพรบ.ระบบการชำระเงินมาใช้ในการกำกับดูแลธุรกิจด้านการชำระเงิน
และล่าสุดที่มีความสำคัญ คือ การนำมาตรฐานสากล QR Code มาใช้ในการชำระเงินในประเทศไทย ซึ่งเป็นความร่วมมือครั้งแรก ของผู้ให้บริการเครือข่ายบัตรระดับโลกทั้ง 5 แห่ง กับผู้ให้บริการทางการเงินในไทย เป็นการตกลงใช้มาตรฐาน เดียวกันในการให้บริการ ลดความซ้ำซ้อนในการมี QR Code หลากหลายรูปแบบ ช่วยเสริมต่อ แนวทางการพัฒนาระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์หรือ E-Payment ในมิติต่างๆ
ดร.วิรไท กล่าวอีกว่า การใช้มาตรฐาน QR Code เพื่อการชำระเงิน มีหลักการและประโยชน์สำคัญใน 4 ด้าน คือ
1) เป็นมาตรฐานกลางที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เปิดโอกาสให้ผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการสามารถ เข้าถึงและใช้งานร่วมกันได้ ทั้งรายการชำระเงินในประเทศและต่างประเทศ ร้านค้ามี QR Code เดียว ก็สามารถรับชำระเงินผ่านช่องทางที่หลากหลายจากลูกค้าได้
2) เป็นการเพิ่มช่องทางการชำระเงินที่สะดวก และมีต้นทุนต่ำให้แก่ประชาชนและร้านค้า ช่วยให้การจัดทำบัญชี และกระทบยอดเงินเข้า ง่ายกว่าการทำธุรกรรมด้วยเงินสดมาก
3) เป็นการเพิ่มความปลอดภัยในการชำระเงินเจ้าของบัตรไม่ต้องให้บัตรหรือ ข้อมูลบนบัตรแก่ร้านค้า และระบบงานที่รองรับเป็นระบบโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน จึงมีความปลอดภัย และ
4) สามารถต่อยอดนวัตกรรมทางการเงินที่หลากหลายได้โดยง่าย เป็นรากฐานสำคัญ ของร้านค้าขนาดกลางและขนาดเล็กที่จะเก็บข้อมูลการรับชำระเงินอย่างเป็นระบบ เพื่อให้นำไปใช้ ประโยชน์ในหลายด้านรวมถึงการขอสินเชื่อ
ซึ่งสถาบันการเงินในหลายประเทศได้เริ่มให้สินเชื่อโดยใช้ ข้อมูลชำระเงินเป็นข้อมูลอ้างอิง (Information based lending) แทนการใช้สินทรัพย์ถาวรเป็น หลักประกันแล้ว ช่วยให้ก้าวข้ามผ่านอุปสรรคของการปล่อยสินเชื่อ SME จากเดิมที่ต้องใช้หลักประกัน เพียงอย่างเดียว
ด้านผู้ให้บริการเครือข่ายบัตรระดับโลกทั้ง 5 แห่ง มีความยินดีในการร่วมผลักดันและส่งเสริม การใช้มาตรฐาน QR Code เพื่อการชำระเงินในประเทศไทย เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการชำระเงินทาง อิเล็กทรอนิกส์ที่ดี เป็นประโยชน์กับทั้งร้านค้าและประชาชน
สำหรับผู้ให้บริการชำระเงินในประเทศไทย ได้เห็นพ้องในการนำมาตรฐานกลางนี้มาใช้ในการให้บริการชำระเงิน ซึ่งจะช่วยให้เข้าถึงและเพิ่มทางเลือก ในการชำระเงิน เป็นการยกระดับการให้บริการแก่ลูกค้าให้การใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมีความทันสมัย สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ในการพัฒนาบริการชำระเงิน ด้วย QR Code นี้
“ธปท.ได้เปิดให้ธนาคาร และผู้ให้บริการเสนอโครงการเข้าพิจารณาใน Regulatory Sandbox เพื่อทดสอบให้มั่นใจในความถูกต้องของ การทำรายการ และการดูแลผู้ใช้บริการ ซึ่งมีธนาคาร 2 แห่งอยู่ระหว่างการทดสอบ และมีอีก 6 แห่งที่อยู่ ระหว่างยื่นคำขอเข้าโครงการ โดยการให้บริการจริงจะทยอยเปิดตามความพร้อมต่อไป”
ที่มา : ข่าวรอบวัน
URL : http://www.moneyandbanking.co.th/new/15784/2/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%90%E0%B8%
2017-09-02 11:20:15