นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน ในฐานะโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบจนถึงเดือนกันยายน 2560 มีความคืบหน้าไปมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของลูกหนี้นอกระบบ ผ่านสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) และสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน โดยในส่วนพิโกไฟแนนซ์มีผู้ยื่นขอใบอนุญาตมาแล้ว 369 ราย ใน 63 จังหวัด และมีผู้ได้รับใบอนุญาตแล้ว 153 ราย ใน 46 จังหวัด ซึ่งในจำนวนนี้ ได้เปิดดำเนินการแล้ว 83 ราย ใน 36 จังหวัด และมีผู้ปล่อยสินเชื่อแล้ว 51 ราย ใน 32 จังหวัด ยังมีอีก 14 จังหวัดที่ยังไม่มีผู้ยื่นขอใบอนุญาต เช่น แม่ฮ่องสอน อ่างทอง นครปฐม สิงห์บุรี ชุมพร นราธิวาส ปัตตานี สตูล ยะลา

ทั้งนี้จนถึงเดือนสิงหาคม 2560 มีสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ 1,859 บัญชี เป็นเงิน 58.58 ล้านบาท หรือคิดเป็นวงเงินสินเชื่ออนุมัติเฉลี่ย 31,513.61 บาทต่อบัญชี โดยมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 97.23% โดยยังไม่มีสถิติสินเชื่อค้างชำระเกินกว่า 3 เดือน (เอ็นพีแอล) ซึ่งภาพรวมปล่อยกู้อาจไม่สูงนัก เพราะเพิ่งเริ่มต้น หลังจากนี้น่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย โดยสศค.มีแผนลงพื้นที่ตรวจสอบและให้คำแนะนำการประกอบธุรกิจของผู้ได้รับอนุญาต ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2560 เป็นต้นไป เพื่อดูแลฟิโกไฟแนนซ์ให้เป็นไปตามมาตรฐานและเงื่อนไขกระทรวงการคลังกำหนดไว้

นายพรชัย กล่าวว่า ส่วนการปล่อยสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2560 ของธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วงเงินรวม 1 หมื่นล้านบาทนั้น จนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2560 มีการอนุมัติสินเชื่อรวม 150,226 ราย เป็นเงิน 6,791.73 ล้านบาท เป็นสินเชื่อที่อนุมัติแก่ประชาชนทั่วไป 97,414 ราย เป็นเงิน 4,336.01 ล้านบาท และสินเชื่อที่อนุมัติแก่ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560 จำนวน 52,812 ราย เป็นเงิน 2,455.72 ล้านบาท

ส่วนการดำเนินการอย่างจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบที่กระทำผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จับกุมผู้ปล่อยเงินกู้นอกระบบและผู้ติดตามทวงถามหนี้ผิดกฎหมาย จนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2560 ไปแล้ว 1,499 คน ซึ่งในการแห้หนี้นอกระบบนั้นต้องเป็นการทำงานอย่างบูรณาการ ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้ลงพื้นที่ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติงานเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบในระดับพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ใน 19 จังหวัด เช่นขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด อุดรธานี พิษณุโลก อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิจิตร นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว สระบุรี อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ศรีสะเกษ หนองคาย หนองบัวลำภู และบึงกาฬ ซึ่งกระทรวงการคลังขอความร่วมมือกระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการทุกจังหวัดในการกำหนดให้นโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเป็นวาระงานสำคัญของจังหวัดอีกด้วย

ที่มา มติชนออนไลน์