รายได้เกษตรกรปี 2561 มีแนวโน้มยังอยู่ในภาวะชะลอตัว ส่งผลให้เศรษฐกิจภูมิภาคไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรสำคัญ เช่น ข้าว ยางพารา อ้อย มันสำปะหลัง และน้ำมันปาล์ม ยังคงทรงตัวอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเศรษฐกิจปี 2561 มีทิศทางปรับตัวดีขึ้นกว่าปีนี้ จากการคาดการณ์ของ ธนาคารทหารไทย หรือ ทีเอ็มบี โดยคาดว่า เศรษฐกิจจะขยายตัว 3.8% เพิ่มจากปี 2560 ที่ขยายตัว 3.5% ซึ่งปัจจัยหลักการส่งออกจะปรับตัวดีขึ้น แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังกระจุกอยู่ในพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ

ทีเอ็มบี ประเมินว่า ราคาเฉลี่ยข้าวเปลือกและยางแผ่นดิบที่เกษตรกรจะขายในปี 2561 อยู่ที่ 7,700 บาทต่อตัน และ 66 บาทต่อกิโลกรัม หรือเพิ่มขึ้น 2% และ 1.5%ตามลำดับ ขณะที่ราคามันสำปะหลังและปาล์มน้ำมันปีหน้า คาดว่ามันสดจะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1.40 บาทต่อกิโลกรัม เนื่องจากปริมาณส่งออกไปยังจีนยังคงลดลงต่อเนื่อง ด้านปาล์มน้ำมัน คาดว่าราคาเฉลี่ยปาล์มสดอยู่ที่ 4.70 บาทต่อกิโลกรัม ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.4%

ทั้งนี้ ในปี 2561 ราคาน้ำตาลตลาดโลกปรับตัวลดลงกว่า 30% ส่งผลให้ราคาอ้อยโรงงานอยู่ที่ 900 บาทต่อตัน จากราคาเฉลี่ย 982 บาทต่อตัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคารับซื้ออ้อยจากเกษตรกร

ดังนั้น ภาพรวมของสินคาเกษตรสำคัญของประเทศในปี 2561 มีแนวโน้มทรงตัว คาดการณ์อาจส่งผลต่อรายได้จะไม่ขยายตัว โดยเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ มีแนวโน้มรายได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่พื้นที่อื่นมีแนวโน้มรายได้ทรงตัว และยังส่งผลกระทบต่อกลุ่มสินค้าและธุรกิจอื่น คือ สินค้าฟุ่มเฟือย สินค้าราคาสูงที่สามารถเลื่อนเวลาการซื้อออกไปได้ เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เป็นต้น ยังส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอย และเศรษฐกิจภูมิภาคอาจชะลอตัวจากความไม่มั่นใจในรายได้ของเกษตรกร

ที่มารูปภาพ : สำนักงานฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร